31126 จำนวนผู้เข้าชม |
น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ ด้วยหน้าที่หลัก คือ ช่วยหล่อลื่นและลดการเสียดสี รวมถึงช่วยทำความสะอาดเครื่องยนต์ และป้องกันการสึกหรอ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรองตามระยะเวลาการใช้งานที่กำหนด จะส่งผลให้เครื่องยนต์ของรถมีอายุการใช้งานที่ยาวนา เราให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องคุณภาพสูง พร้อมไส้กรองมาตรฐาน ทั้งเครื่องยนต์ระบบดีเซล และเบนซิน ด้วยบริการที่รวดเร็วในราคาประหยัด โดยช่างผู้ชำนาญ และเครื่องมือที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังให้บริการน้ำมันเครื่องชุดประหยัด ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงและ ไส้กรองราคาประหยัดเพื่อเป็นอีกทา | ||
ขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่แต่เพียงช่วยประหยัด มันยังง่ายมากอีกด้วย อย่างไรก็ดี พึงระลึกเสมอว่าในการบำรุงรักษายานพาหนะ สิ่งที่จะต้องตระหนักอย่างยิ่งคือ ความปลอดภัย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือไม่ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะบอกขั้นตอนแต่ละขั้นตอน เพื่อให้คุณปลอดภัยมากที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่จำเป็น • น้ำมันเครื่องประมาณ 4 ลิตร (ตรวจสอบคู่มือเพื่อหา SAE ของความหนืด, ประสิทธิภาพตาม API และปริมาณที่เครื่องยนต์ต้องใช้
ขั้นตอนที่ 1 – เลือกน้ำมัน โดยทั่วไป เราควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 3 เดือน แล้วแต่ว่าเงื่อนไขไหนถึงก่อน สิ่งนี้จะช่วยทำให้มีการปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี และทำให้เครื่องยนต์มีอายุใช้งานนาน (ตรวจสอบคู่มือประจำรถสำหรับกรณีพิเศษ และอย่าปล่อยให้การรับประกันสิ้นสุดลง) ขั้นตอนที่ 2 – เตรียมรถ หมั่นสอบถามช่างสำหรับการป้องกันก่อนที่เครื่องยนต์จะมีปัญหา อย่าใช้แม่แรงยกรถ เพราะมันไม่ค่อยมั่นคง ให้ใช้ที่ยกรถจะปลอดภัยกว่า แม่แรงจะยกรถให้ลอยขึ้น จนเราสามารถที่จะเลื่อนตัวเข้าไปใต้ท้องรถได้ เมื่อนอนราบแล้ว ให้ขับรถขึ้นไปบนที่ยกรถ กระทั่งล้อหน้าลอยขึ้น ตั้งเบรคฉุกเฉิน และให้กั้นล้อรถด้านหลังด้วยไม้กั้นเพื่อป้องกันรถไหล ใส่เกียร์หนึ่งไว้หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา และตัว P ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัติ น้ำมันที่เย็นจะไหลออกมายาก ดังนั้น ควรอุ่นเครื่องรถไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้อยู่ในอุณหภูมิอย่างตอนที่ใช้ (อย่าติดเครื่องโดยไม่มีน้ำมันเครื่อง) จากนั้นให้ปิดเครื่องและเปิดกระโปรงรถ เพื่อที่จะเปิดฝาน้ำมันโดยไม่ต้องสูบน้ำมันขึ้นมา จะทำให้น้ำมันไหลลงมาด้านล่างได้อย่างง่ายดาย ขั้นตอนที่ 3 – ถ่ายน้ำมันเก่า ใส่ปลั๊กน้ำมันด้านล่างของรถ โดยควรจะอยู่ที่ด้านล่าง ของเครื่องยนต์ ควรแน่ใจว่าหมุนปลั๊กให้แน่น วางถาดรองน้ำมันใต้ท่อทิ้งน้ำมัน ใช้คีมหมุนให้เปิดออกตามเข็มนาฬิกา ถึงตอนนี้ให้ระวัง เพราะน้ำมันอาจจะไหลลงมา อย่างรวดเร็วและค่อนข้างร้อน ระวังอย่าให้ฝาท่อหล่นลงไปในน้ำมัน แต่ไม่เป็นไรถ้าคุณพลาด ขั้นตอนที่ 4 – ถอดไส้กรอง ต่อมา ให้เปิดที่กรองน้ำมัน ซึ่งอาจจะร้อนนิดหน่อย ด้วยการหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยคีม หยิบออกโดยระวังอย่าไปจับท่อที่ร้อน ที่กรองน้ำมันอาจจะมีน้ำมันและมีน้ำหนักมากซักหน่อย ดังนั้นให้วางลงค่อยๆ และไกลจากเครื่องยนต์ และเทน้ำมันที่ติดอยู่ลงในอ่างรองน้ำมัน ขั้นตอนที่ 5 – เปลี่ยนไส้กรอง ใช้ผ้าเช็ดรอบๆ ขอบปากที่กรองที่อยู่ที่เครื่องยนต์ แล้วจึงใส่ที่กรองอันใหม่แล้วใช้นิ้วลูบน้ำมัน (เก่าหรือใหม่ก็ได้) ไปที่รอบๆ ขอบของที่กรองอันใหม่ \โดยที่น้ำมันจะทำหน้าที่เป็นฟิล์มกันการรั่วซึม ขันที่กรองอย่างระมัดระวังโดยหมุนตามเข็มนาฬิกา อย่าให้แน่นจนเกินไป ทำความสะอาดท่อน้ำมันและที่ปิด แล้วใส่กลับไปที่เดิม หมุนปลั๊กให้แน่นโดยใช้ คีมช่วยแต่อย่าแน่นจนเกินไป ขั้นตอนที่ 6 – เติมน้ำมันใหม่ ข้างบนสุดของเครื่องยนต์ จะเห็นฝาที่เขียนว่า "น้ำมันเครื่อง" ให้เปิดฝานั้นออกและเริ่มเติมน้ำมัน ในปริมาณที่ต้องการ ตรวจสอบด้วยไม้วัด เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณถูกต้อง หลังจากนั้นปิดฝา และเช็คทำความสะอาดอีกครั้ง ไฟแสดงน้ำมันควรจะหายไปเมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานสักพัก แล้วปิดเครื่องและเช็คไม้วัดน้ำมันอีกที เพื่อตรวจสอบว่า น้ำมันมีปริมาณที่เหมาะสม ท้ายสุดตรวจสอบที่รูน้ำมันออก บริเวณด้านล่างของรถว่าไม่มีการรั่วซึม ง่ายกว่าที่คิดใช่ไหมครับ อย่าลืมจดด้วยว่า ทำการเปลี่ยนเมื่อเข็มไมล์อยู่ที่ระยะทางเท่าใด และเปลี่ยนเมื่อไหร่ในที่เก็บของหน้ารถ จะได้ง่ายในการตรวจสอบว่าครั้งหน้าควรเปลี่ยนอีกเมื่อไร และยังช่วยให้รถคุณมีราคาที่ดีขึ้นเมื่อคุณประกาศขาย หากมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ขั้นตอนที่ 7 – การทิ้งน้ำมันเครื่องอย่างถูกวิธี หากคุณคิดว่าเสร็จขบวนการแล้ว มันก็เกือบนะแต่ยังก่อน สิ่งสุดท้ายที่ถือว่าสำคัญที่สุด ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง คือ การทิ้งน้ำมันเครื่องที่ใช้ \แล้วในที่ที่เหมาะสม เพราะน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว เป็นพิษอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม การทิ้งน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว ในภาชนะมิดชิดและสอบถามพนักงานเก็บขยะ แถวบ้านคุณถึงการทิ้งที่เหมาะสม จริงๆ แล้วควรมีโรงขยะที่รับน้ำมันที่ใช้แล้ว ส่งต่อให้โรงงานทำการรีไซเคิล หากคุณไม่สามารถหาที่ทิ้งได้ควรจะมีการจัดการ ของรัฐเกี่ยวกับขยะจำพวกนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมในการทำลายขยะ ติดต่อองค์กรภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว |